9/30/2553

การกินโปรตีนช่วยผอมได้



การกินโปรตีน ช่วย! "ผอม" ได้หากว่าคุณคือหนึ่งคนที่อยากผอมแต่ไม่อยากอด วันนี้เราขอเสนอตัวช่วยที่จะทำให้คุณผอมด้วย การกินโปรตีน ฮันแน่...คงอยากรู้กันแล้วล่ะว่า การกินโปรตีน นั้นจะช่วยให้ผอมได้จริงหรือ นั้นเรามาดูรายละเอีอดกันต่อเลยดีกว่าว่า การกินโปรตีน ช่วย! "ผอม" ได้อย่างไร ...

การกินโปรตีน

วิธีที่จะนํามาแนะนําในวันนี้ คือ การกินโปรตีนค่ะ อ๊ะ ๆ คงนึกไม่ถึงละสิว่าโปรตีนนี่น่ะเหรอจะช่วยให้ฉันผอมได้ อย่าเพิ่งดูถูกไปนะคะ เพราะเขาได้มีการทดลองออกมายืนยันแล้วว่าคนที่กินโปรตีนสูงจะมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่กินโปรตีนน้อยหรือไม่กินเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะโปรตีนมีส่วนช่วยในการเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึ่มให้กับร่างกาย ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณจะเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น 

นอกจากนี้โปรตีนยังช่วยทําให้ระดับไนโตรเจนในร่างกายเกิดความสมดุล ซึ่งจะมีผลให้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ช่วยให้อัตราการดูดซึมกลูโคสในกระแสเลือดช้าลงซึ่งจะทําให้ไม่ค่อยหิว และช่วยลดระดับอินซูลินทําให้การเผาผลาญไขมันเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ

แหล่งโปรตีนหาได้จากไหน
 
โดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถสร้างกรดอะมิโนขึ้นมาเองได้ 80% ที่เหลืออีก 20% จะต้องรับจากการกินเข้าไป ซึ่งแหล่งของกรดอะมิโนเหล่านี้ หาได้จากอาหารที่มีโปรตีนสูง อย่างเช่น

เคซีน - หรือโปรตีนจากนมซึ่งเป็นที่โปรดปรานของกล้ามเนื้อมาก ช่วยทําให้กล้ามเนื้อกระชับเพิ่มการสังเคราะห์และยับยั้งการย่อยสลายโปรตีน จากการศึกษาพบว่า ถ้าเรากินอาหารที่มีเคซีนเข้าไปมันจะไปเกาะกันเป็นก้อนอยู่ในรูปของวุ้นที่กระเพาะ ทําให้อาหารเคลื่อนตัวช้าลงเป็นเหตุให้กรดอะมิโนถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น นอกจากนี้ เคซีนยังช่วยในเรื่องของการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อเพิ่มระดับ HDL และช่วยคลายอาการปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อด้วยค่ะ   

ถั่วเหลือง 
- มีโปรตีนสูงถึงร้อยละ 34 ซึ่งมากกว่าโปรตีนจากเนื้อหมูประมาณ 2 เท่า ถึงแม้ถั่วเหลืองจะไม่ค่อยมีบทบาทในการปั้นหุ่นมากนัก แต่มันก็มีความสําคัญต่อสุขภาพมาก ๆ เลยนะ เพราะในเมล็ดถั่วเหลืองโดยเฉพาะผิวหุ้มของมันจะมีสารเลซิธิน (Lecithin) ซึ่งเป็นสารบํารุงสมองช่วยในด้านการเพิ่มความจําลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกายค่ะ

ไข่
 - แหล่งโปรตีนที่ดีและราคาถูกซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะกลัวการกินไข่เพราะกลัวคอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในไข่แดง แต่จริง ๆ แล้วไขมันอิ่มตัวในอาหารต่างหากละที่เป็นตัวการทําให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ยิ่งไปกว่านั้นการกินไข่ยังเป็นการช่วยป้องกันโรคหัวใจและมีบทบาทในเรื่องของการลดน้ำหนักด้วยนะคะ เพราะไข่ 1 ฟอง นอกจากจะให้แคลอรีต่ำ เพียง 75 แคลอรีแล้ว ยังทําให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่าอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ให้แคลอรีเท่ากันอีกค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก การกินโปรตีน ช่วย! "ผอม" ได้หากว่าคุณคือหนึ่งคนที่อยากผอมแต่ไม่อยากอด วันนี้เราขอเสนอตัวช่วยที่จะทำให้คุณผอมด้วย การกินโปรตีน ฮันแน่...คงอยากรู้กันแล้วล่ะว่า การกินโปรตีน นั้นจะช่วยให้ผอมได้จริงหรือ นั้นเรามาดูรายละเอีอดกันต่อเลยดีกว่าว่า การกินโปรตีน ช่วย! "ผอม" ได้อย่างไร


การกินโปรตีน

วิธีที่จะนํามาแนะนําในวันนี้ คือ การกินโปรตีนค่ะ อ๊ะ ๆ คงนึกไม่ถึงละสิว่าโปรตีนนี่น่ะเหรอจะช่วยให้ฉันผอมได้ อย่าเพิ่งดูถูกไปนะคะ เพราะเขาได้มีการทดลองออกมายืนยันแล้วว่าคนที่กินโปรตีนสูงจะมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่กินโปรตีนน้อยหรือไม่กินเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะโปรตีนมีส่วนช่วยในการเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึ่มให้กับร่างกาย ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณจะเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น 

นอกจากนี้โปรตีนยังช่วยทําให้ระดับไนโตรเจนในร่างกายเกิดความสมดุล ซึ่งจะมีผลให้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ช่วยให้อัตราการดูดซึมกลูโคสในกระแสเลือดช้าลงซึ่งจะทําให้ไม่ค่อยหิว และช่วยลดระดับอินซูลินทําให้การเผาผลาญไขมันเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ

แหล่งโปรตีนหาได้จากไหน
 

โดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถสร้างกรดอะมิโนขึ้นมาเองได้ 80% ที่เหลืออีก 20% จะต้องรับจากการกินเข้าไป ซึ่งแหล่งของกรดอะมิโนเหล่านี้ หาได้จากอาหารที่มีโปรตีนสูง อย่างเช่น

เคซีน - หรือโปรตีนจากนมซึ่งเป็นที่โปรดปรานของกล้ามเนื้อมาก ช่วยทําให้กล้ามเนื้อกระชับเพิ่มการสังเคราะห์และยับยั้งการย่อยสลายโปรตีน จากการศึกษาพบว่า ถ้าเรากินอาหารที่มีเคซีนเข้าไปมันจะไปเกาะกันเป็นก้อนอยู่ในรูปของวุ้นที่กระเพาะ ทําให้อาหารเคลื่อนตัวช้าลงเป็นเหตุให้กรดอะมิโนถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น นอกจากนี้ เคซีนยังช่วยในเรื่องของการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อเพิ่มระดับ HDL และช่วยคลายอาการปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อด้วยค่ะ   

ถั่วเหลือง 
- มีโปรตีนสูงถึงร้อยละ 34 ซึ่งมากกว่าโปรตีนจากเนื้อหมูประมาณ 2 เท่า ถึงแม้ถั่วเหลืองจะไม่ค่อยมีบทบาทในการปั้นหุ่นมากนัก แต่มันก็มีความสําคัญต่อสุขภาพมาก ๆ เลยนะ เพราะในเมล็ดถั่วเหลืองโดยเฉพาะผิวหุ้มของมันจะมีสารเลซิธิน (Lecithin) ซึ่งเป็นสารบํารุงสมองช่วยในด้านการเพิ่มความจําลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกายค่ะ

ไข่
 - แหล่งโปรตีนที่ดีและราคาถูกซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะกลัวการกินไข่เพราะกลัวคอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในไข่แดง แต่จริง ๆ แล้วไขมันอิ่มตัวในอาหารต่างหากละที่เป็นตัวการทําให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ยิ่งไปกว่านั้นการกินไข่ยังเป็นการช่วยป้องกันโรคหัวใจและมีบทบาทในเรื่องของการลดน้ำหนักด้วยนะคะ เพราะไข่ 1 ฟอง นอกจากจะให้แคลอรีต่ำ เพียง 75 แคลอรีแล้ว ยังทําให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่าอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ให้แคลอรีเท่ากันอีกค่ะ

Other Link

กินตามกรุ๊ปเลือด อีกทางเลือกของการลดน้ำหนัก

หลังจากค่านิยมบ้านเราเข็นอาหารเพื่อสุขภาพออกมาสักพักใหญ่ ตอนนี้กระแสเริ่มซาหันมาเห่ออาหารตามกรุ๊ปเลือดที่แอบได้ยินเพื่อนสาวใกล้บ้านคุยฟุ้งให้ฟังว่า

ช่วยเสริมสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ทั้งระบบภูมิต้านทาน ระบบย่อยระบบขับถ่าย และการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ไม่แก่เร็ว!! ยิ่งใครมีน้ำหนักขึ้นพรวดๆ สูตรนี้ละช่วยคุมน้ำหนักได้ดีนักแล    


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าคาดหวังว่าน้ำหนักจะลดฮวบฮาบ เพราะเมนูเด็ดนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเห็นผลกันในระยะยาว ต้องไม่หักโหมจนเกินไป เดี๋ยวจะเข้าตำรา ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะโภชนาการตามกรุ๊ปเลือด คือความสัมพันธ์ของอาหารที่เรารับประทาน กับการตอบสนองของร่างกายต่ออาหารนั้นว่าย่อยง่ายหรือไม่ เผาผลาญเป็นพลังงานไปใช้ประโยชน์ได้ดีแค่ไหน ของเสียจะถูกขับถ่ายออกมาอย่างไร และมีคุณค่าแก่ร่างกายมากเพียงใด

อาหารตามกรุ๊ปเลือดก็มีความคล้ายคลึงกับอาหารเพื่อสุขภาพทั่วๆ ไป ใช่ว่าทุกคนจะทานได้เหมือนกันหมดทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับกรุ๊ปเลือด ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกโภชนาการได้ชัดเจนที่สุด

วันหนึ่งพบร้านอาหารตามกรุ๊ปเลือดย่านเพลินจิต เจ้าของร้านบอกว่านำแนวความคิดนี้มาจากหนังสือ Eat Right For You Type ซึ่งเป็นงานวิจัยของ Dr. J.D.’ Adamo แพทย์ชาวอเมริกัน เขียนไว้ว่า อาหารที่คนเรารับประทานนั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับกรุ๊ปเลือด และระบบต่างๆ ในร่างกาย หลักการกว้างๆ ก็คือ อาหารทุกอย่างที่เรารับประทานเข้าไปจะก่อให้เกิดผลกับร่างกาย 3 อย่าง คือ เป็นประโยชน์ กินแล้วดีต่อสุขภาพมากๆ เสมือนหนึ่งทานยาบำรุง เป็นกลาง ภาษาบ้านเราเรียกว่ากินเพื่ออยู่ และเป็นพิษ อาหารกลุ่มนี้แหละที่ส่งผลร้ายเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างเดียวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย

ลองมาดูกันดีกว่าว่าใครเลือดกรุ๊ปไหนจะเลือกรับประทานอะไรดี
    คนเลือดกรุ๊ป A ควรเลือกรับประทานอาหารแบบ Vegetaria diet หรือมังสวิรัตินั่นเอง เลือกอาหารประเภทพืชตระกูลถั่ว ข้าว ผัก และผลไม้เป็นหลัก ยกเว้นผลไม้เมืองร้อน เพราะมีผลต่อระบบย่อยอาหาร ส่วนคนที่โปรดปรานปลาทานได้สบายๆ 3 -4 ครั้งต่ออาทิตย์ แต่หลีกเลี่ยงปลาเนื้อขาวสักหน่อย เช่น ปลาจาระเม็ด ปลาตาเดียว เป็นต้น คนกรุ๊ปเลือดนี้ต้องระวังอาหารพวกนม เนย ไข่ ทุกชนิด เพราะอาหารเหล่านี้รบกวนระบบการย่อยและการเผาผลาญอาหาร น้ำหนักอาจจะไม่ลดลงดั่งใจ

คนกรุ๊ปเลือด B เหมาะนักหนากับอาหารประเภท นม เนยไข่ แม้กระทั่งปลาเนื้อขาวและปลาน้ำลึกที่คนกรุ๊ปเลือด A ต้องละเว้น แต่ถ้าคนกรุ๊ปนี้กลับส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ปลาหิมะ ปลาจาระเม็ด และปลาตาเดียว สงสัยว่าคนกรุ๊ปเลือด A ต้องแอบอิจฉาอยู่เป็นแน่ ส่วนกากใยอาหารจากพืชผักต่างๆ ที่ช่วยระบบขับถ่ายกินได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นอยู่นิดหน่อยคือมะเขือเทศซึ่งควรหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด เพราะมีสารที่ก่อกวนผนังในกระเพาะอาหารนะ

คนกรุ๊ปเลือด AB เป็นการรวมตัวของ 2 กรุ๊ปเลือดเข้าด้วยกัน อาหารที่ควรรับประทานจึงค่อนข้างซับซ้อนกว่ากรุ๊ปอื่น ถ้าจะให้ดีต้องทานอาหารมังสวิรัติ นม ไข่ อาหารทะเล เต้าหู้ และรับประทานผักสดมากๆ เพราะเป็นอาหารสำคัญมีประโยชน์ในการป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจ อาหารแต่ละมื้อควรรับประทานครั้งละน้อยๆ จึงจะย่อยได้ดี และอาหารประเภทปลาเนื้อขาว แซลมอนรมควัน พืชตระกูลถั่ว และแป้งสาลี ต้องหลีกเลี่ยงอย่างจริงจัง

คนกรุ๊ปเลือด O ร่างกายตอบสนองต่อการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนได้ดีมาก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ อาหารทะเลควรรับประทานเป็นประจำเพราะช่วยป้องกันโรคเลือดไม่แข็งตัวและไทรอยด์ และสามารถทานผักผลไม้เกือบทุกชนิด ยกเว้นพืชตระกูลถั่ว กะหล่ำ เห็ดหอม และอาหารประเภทข้าว นม เนย ไม่ดีต่อสุขภาพ คนกรุ๊ปเลือดนี้อย่าเพิ่งดีใจว่ารับประทานอะไรก็ได้จนลืมดูแลสุขภาพเชียวละ
  
ฝากอีกนิดกับเทคนิคสำคัญที่สุดของการทำอาหารตามกรุ๊ปเลือด คือ คัดสรรส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ให้เหมาะกับกรุ๊ปเลือดของแต่ละคน เน้นความสด สะอาด ปลอดสารพิษ ต้องปรุงอย่างพิถีพิถัน หรือจะประยุกต์สูตรเพื่อทำรับประทานเองก็ได้ไม่ว่ากัน เพื่อความแปลกใหม่คงไม่เหนื่อยหรือยากเกินไปหรอกนะ

ใครอยากหันมารับประทานตามกรุ๊ปเลือดแต่ยังเสียดายรสชาติอาหารแบบเดิมๆ ที่เคยเจี๊ยะ ก็ค่อยๆ ลองปรับเปลี่ยนสิ่งไม่ดีออกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ต้องบุ่มบ่ามตัดสินใจมารับประทานทันที เพราะจะทำให้คุณไม่มีความสุขได้ จะกินอาหารทั้งทีต้องอร่อยถูกปากและสุขภาพดีด้วย

ข้าวยำสมุนไพรแบบสงขลา (Rice with Thai herbs salad ‘BUDU’ sauce)
ส่วนผสม : ใบพาโหม / ใบข่า / ใบยอ / ใบชะพลู / ใบมะกรูดซอย 7 กรัม / มะม่วงขูด 50 กรัม /ถั่วงอก 25 กรัม / แตงกวา 50 กรัม / กะหล่ำปลี 25 กรัม / ดอกดาหลาหั่นฝอย / ข้าวพันธุ์สังข์หยด /ส้มโอ / พริกป่น / มะพร้าวคั่ว / กุ้งแห้งป่น / ปลาโอแห้งป่น / น้ำบูดูปรุงสด
วิธีทำ : นำใบพาโหม ใบข่า ใบยอ ใบชะพลู ใบมะกรูด มะม่วงขูด จัดลงบนจานอย่างสวยงาม ผักเหล่านี้ทุกกรุ๊ปเลือดทานได้ ตามด้วยข้าวพันธุ์สังข์หยด โรยบนข้าวด้วยพริกป่น มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น ปลาโอแห้ง และส้มโอ เพิ่มความสวยงามรอบจานด้วยดอกดาหลา ทานคู่กับน้ำบูดูปรุงรส จัดเสิร์ฟ

กรุ๊ป A กินกะหล่ำปลีไม่ดี ให้เพิ่มถั่วงอก และแตงกวา
กรุ๊ป O กินแตงกวาหรือกะหล่ำปลีไม่ดี
กรุ๊ป B , AB กินถั่วงอกไม่ดี แต่กินแตงกวาได้

ส้มตำแครอทและผลไม้ (Carrot and fruit salad)
ส่วนผสม : สับปะรด 50 กรัม / องุ่น 12 กรัม / แอ๊ปเปิลแดง / แอ๊ปเปิลเขียว 25 กรัม / แครอทฝอย 25 กรัม / พริกขี้หนู 1 กรัม / มะเขือเทศราชินี 15 กรัม / อัลมอนด์ / ถั่วลิสง
น้ำปรุง : กระเทียม มะขามเปียก น้ำตาลปีบ มะนาว น้ำปลา (นำทั้งหมดปั่นรวมกัน) ผักสลัด เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค ใบบัวบก ผักน้ำ องุ่นดำไร้เมล็ด แครอท กะหล่ำปลีม่วง น้ำมันมะกอก (นำทั้งหมดนี้มาคลุกเคล้าด้วยกันกับน้ำมันมะกอก)
วิธีทำ : นำส่วนผสมมานำมาคลุกเคล้ากับน้ำปรุงรสให้ทั่วกัน เสิร์ฟข้างจานด้วยอัลมอนด์ หรือถั่วลิสง ทานคู่กับผักสลัด (กรุ๊ป O, A ให้ตัดกะหล่ำปลีม่วงออกไป)

ทุกกรุ๊ปสามารถรับประทานสับปะรด องุ่น แอปเปิลแดง แอปเปิลเขียว แครอทฝอย พริกขี้หนู และมะเขือเทศราชินีได้ (ยกเว้นกรุ๊ป A, B ให้ตัดเฉพาะมะเขือเทศออกไป)
อัลมอนด์ เหมาะกับกรุ๊ป O, B
ถั่วลิสง เหมาะกับ กรุ๊ป A, AB

กราแต็งเห็ดและบร็อกโคลี
ส่วนผสม : หอมใหญ่ ¼  หัว / แป้งสเปลท์ 20 กรัม / น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา / นมถั่วเหลือง ¼ถ้วย / พริกไทยขาว / บร็อกโคลีต้มสุก 150 กรัม / เห็ดฟางต้มสุก 100 กรัม / ปาปริก้า 1 กรัม       ชีสตามกรุ๊ปเลือด : O, A มอซซาเรลล่าชีส เฟต้าชีส (ปริมาณตามชอบ), AB มอซซาเรลล่าชีส เฟต้าชีส เชดดาร์ชีส (ปริมาณตามชอบ)
วิธีทำซอส : ผัดหัวหอมใหญ่กับน้ำมันในกระทะจนสุกเหลือง เสร็จแล้วนำแป้งสเปลล์ลงผัดให้ทั่วจนกว่าแป้งจะฟู ใส่นมถั่วเหลือง ปรุงรสด้วยพริกไทย เคี่ยวจนกว่าซอสจะข้น ยกขึ้นจากเตา พักไว้ให้เย็น
วิธีทำ : แบ่งซอสครึ่งหนึ่งเทลงในก้นพิมพ์ เรียงบร็อกโคลีและเห็ดสับให้ทั่วถึง ตามด้วยชีสที่เหมาะกับกรุ๊ปเลือด ทำสลับกันเหมือนเดิมประมาณ 2 ชั้น นำเข้าเตาไมโครเวฟ 1 นาที และเข้าเตาอบ 5 นาที พอหน้าเหลืองนวล โรยด้วยปาปริก้า จัดเสิร์ฟ

เต้าฮวยเย็นฟรุตสลัดสด
ส่วนผสมเต้าฮวย : น้ำ ¼  ถ้วย / นมสด 1 ½  ถ้วย สำหรับกรุ๊ปเลือด B, AB หรือใช้น้ำนมถั่วเหลือง 1 ถ้วย สำหรับกรุ๊ปเลือด A, O / น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ / ผงวุ้น 1 ½  ช้อนชา / กลิ่นวนิลลา 1 ช้อนชา
ฟรุตสลัด : สับปะรด / แอ๊ปเปิลแดง / ลูกพีช / ลูกกีวี / องุ่นแดงไร้เมล็ด โดยกรุ๊ปเลือด A ควร เพิ่มกล้วยและงดมะละกอ ส่วนกรุ๊ป O และ B ควรเพิ่มมะละกอและกล้วยหอม และกรุ๊ป AB ควรเพิ่มมะละกอ แต่ทานกล้วยไม่ดี นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้ากับน้ำเชื่อมเหล้ารัม และน้ำมะนาวให้ทั่วถึงกัน
วิธีทำ : นำส่วนผสมเต้าฮวยทั้งหมดคลุกเคล้าให้ทั่วกัน นำเข้าไมโครเวฟ 3 นาที ละลายผงวุ้นเทใส่ลงไป นำเข้าไมโครเวฟอีก 1 นาที จากนั้นตักเต้าฮวยแบ่งใส่ถ้วยแก้ว ถ้วยละ 1/2 ถ้วยตวง พักไว้จนเย็น และแข็งตัว นำฟรุตสลัดที่เตรียมไว้จัดลงบนถ้วยให้สวยงาม จัดเสิร์ฟ




Other Link

9/28/2553

อุปสรรคของการลดน้ำหนักที่คุณอาจนึกไม่ถึง







ตัวการสำคัญที่ทำให้การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผล...การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับปกติ เมื่อเทียบกับส่วนสูง โครงร่าง และอายุ คือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการมีสุขภาพดี...


แต่บางทีการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ด้วยการระวังสิ่งที่กินและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่สามารถลดน้ำหนักตามต้องการได้ เพราะสาเหตุบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึง

- การกับเก็บน้ำ ลองลดอาหารที่เป็นสาเหตุของการกับเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้น เช่น เกลือ น้ำอัดลม ฯลฯ และหันมากินผลไม้อย่างแตงโม ส้ม ซึ่งจะช่วยลดการกักเก็บน้ำและขจัดน้ำในร่างกายได้มาก

- แพ้อาหาร อาการแพ้อาหารอาจเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่อาจทำให้น้ำหนักตัวของคุณไม่ขยับลง การแพ้อาหารที่ส่งผลต่อน้ำหนักที่พบกันมากที่สุด คือ การแพ้ข้าวสาลี เนื่องจากข้าวสาลีมีส่วนผสมของกลูเตนที่อาจรบกวนระบบการย่อย การแพ้ข้าวสาลีจึงทำให้มีปัญหาในการย่อยอาหาร มีอาการท้องผูก ท้องอืด คลื่นไส้ เป็นตะคริวง่าย อารมณ์แปรปรวน และอยากอาหาร นอกจากนี้อาจเช็คอาการแพ้อย่างอื่นด้วย เพราะอาจส่งต่อน้ำหนักตัวและเกิดอาการบวมได้เช่นกัน

- พันธุกรรม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า พันธุกรรมมีความสัมพันธ์กับการเป็นโรคอ้วนถึง 30-40% อย่างไรก็ตามถ้าคุณบังเอิญมียีนส์อ้วน ก็ใช่จะหมดหวังว่าจะลดน้ำหนักไม่ได้ เพราะนักวิจัยชาวเยอรมันพบว่า คนที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง ก็อาจช่วยลดน้ำหนักได้

- การออกกำลังกายแบบเดิมๆ ร่างกายของเราสามารถปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรการออกกำลังกายที่คุณทำเป็นประจำ โดยใช้พลังงานน้อยลง ดังนั้น การเปลี่ยนกิจวัตรการออกกำลังกายหรือลองออกกำลังแบบใหม่ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเผาผลาญพลังงานของร่างกาย

- นอนไม่พอ งานวิจัยหลายชิ้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการนอนหลับกับฮอร์โมนที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการกินของเรา ซึ่งได้แก่ ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่รับผิดชอบต่อความรู้สึกหิวและเลปติว (Leptin) ที่จะบอกสมองว่า เมื่อไหร่ควรจะหยุดกิน แต่ถ้าคุณนอนไม่พอ ฮอร์โมนเกรลินจะเพิ่มขึ้น ขณะที่เลปติวจะลดลง ผลก็คือความอยากเพิ่มขึ้นและไม่รู้สึกอิ่ม คนส่วนใหญ่ต้องการนอนประมาณวันละ 7-9 ชั่วโมง บางคนนอนมาก บางคนนอนน้อย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านอนแค่ไหนถึงจะพอ? ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ให้นอนนานที่สุดเท่าที่ต้องการติดต่อกันหลายๆ วัน จากนั้นการนอนของคุณจะคงที่ และคุณจะพบได้ว่า ตัวเองตื่นเองได้หลังจากนอนครบชั่วโมงที่ต้องการ (บวกลบ 15 นาที) เมื่อรู้ว่าตัวเองนอนเท่าไหร่ ก็ทำเป็นกิจวัตร จะช่วยลดน้ำหนักได้

Other Link

ซุป--โจ๊ก-น้ำข้าวโอ๊ต สูตรอาหารลดอ้วน

โดย : นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ 
อาหารกลางวันสูตรลดความอ้วนแบบเดิมๆ ของคนอังกฤษคงจะเป็นน้ำ... ดื่มเข้าไปมากๆ ต่อด้วยไก่กับผัก ผลการศึกษาทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ว่า อาหารต้านความหิวที่ดีคือ ซุปหรือโจ๊กข้นๆ เช่น ซุปผัก ข้าวโอ๊ตละลายน้ำร้อน... 
ข้าวโอ๊ตมีขายทั่วไปในห้างสรรพสินค้า เติมน้ำร้อนลงไป 2-3 นาที ทำให้เย็นโดยนำไปแช่น้ำในกาละมังหรือถัง จะได้ซุปที่ช่วยลดความอ้วนด้วย และถ้ากินเป็นประจำจะช่วยลดไขมันในเลือดหรือโคเลสเตอรอลได้ด้วย

เพียงเติมลูกเกด ลูกพรุนสับ หรือถั่วลิสงต้มลงไปหน่อย... จะได้ข้าวโอ๊ตแบบอาหารจานด่วน (fastfood) ชั้นดีทันที 

และถ้าต้องการให้ได้แคลเซียมกับโปรตีน... เติมนมไขมันต่ำหรือนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียมไปในข้าวโอ๊ต อุ่นให้ร้อนในไมโครเวฟ จะได้อาหารเสริมชั้นดีทันที 

ถ้าต้องการซุปกำลังงานต่ำสุดๆ ให้ลองทำซุปผัก ซึ่งจะช่วยในโปรแกรมลดความอ้วนได้ดีที่สุด 

ทีมนักวิจัยทดลองให้กลุ่มตัวอย่างกินอาหารแข็งกับน้ำ (solid food-plus-water) เปรียบเทียบกับอาหารที่ปนเป็นเนื้อเดียวกันทั้งน้ำและเนื้อ คือ ซุป 

หลังจากนั้นตรวจกระเพาะอาหารด้วยเครื่องสแกน MRI และ US ถ้ากินอาหารที่ของแข็ง-ของเหลวปนกันเป็นเนื้อเดียวกันดี เช่น ซุปข้น ข้าวโอ๊ตเติมนมไขมันต่ำ ฯลฯ... อาหารเหล่านี้จะค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนาน เนื่องจากเจ้าหูรูด "ตม." แยกส่วนน้ำกับเนื้อออกจากกันไม่ได้ 
ผลคือ อิ่มมากขึ้น-นานขึ้น 

กลไกที่ทำให้อิ่มได้นานมาจากฮอร์โมน "เกรลอิน (ghrelin)" ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความอยากกินอาหาร (appetite) 

ปี 2542 มีการค้นพบว่า เซลล์พิเศษบนผนังกระเพาะอาหารทำหน้าที่ผลิต และหลั่งฮอร์โมน "เกรลอิน" 

ถ้ากระเพาะอาหารว่าง (empty stomach) จะมีการหลั่งฮอร์โมนหิวหรือ "เกรลอิน" หรือฮอร์โมนแห่งความหิวออกไปเรื่อยๆ 

ฮอร์โมนหิว (ghrelin) จะเข้าไปในกระแสเลือด ไปที่ศูนย์หิวในสมอง (brain appetite centre) ตรงต่อมใต้สมอง (hypothalamus) 

ศูนย์หิวในสมองจะร้องบอกว่า "หิวๆๆๆๆ" ไปเรื่อยๆ เหมือนเด็กที่งอแง ร้องไป... ร้องไปจนกว่าจะได้กิน แต่ถ้าผนังกระเพาะอาหารถูกถ่าง หรือยืดออก (stretched)... เซลล์ที่หลั่งฮอร์โมนหิวหรือเกรลอินจะหยุดทำงานชั่วคราว เปรียบเหมือนเด็กที่กินนมอิ่มแล้วหยุดร้อง 

ต่อมใต้สมองก็จะหยุดบอกว่า "หิวๆๆๆๆ" เช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะลดความอ้วน และไม่มีจิตใจแข็งแกร่งดุจขุนเขาจริงๆ... ยุทธศาสตร์สำคัญคือ ต้องทำการยืดผนังกระเพาะอาหารให้ยืดออก หรือหาอะไรมาเติมกระเพาะอาหารไว้เป็นพักๆ 

ข้อดีของการกินซุปคือ ทำให้อิ่มได้นานกว่าอาหารแข็ง 1.5 ชั่วโมง = 1 ชั่วโมง 30 นาที 

นอกจากนั้นยังมี 'cupcake circuit (cupcake = เค้กขนาดถ้วยเล็ก; circuit = วงจร เซอร์กิต)' คือ ถ้าปล่อยให้หิวเต็มที่... คนเราจะเลือกกินอาหารกำลังงานสูง เช่น เค้ก ขนมหวาน อาหารประเภท "ผัดๆ ทอดๆ" ก่อนอาหารกำลังงานต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ทั้งผล ข้าวกล้อง ฯลฯ 

ฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวมีหลายสิบชนิด แต่มีตัวที่ทำงานโดดเด่นอยู่ไม่กี่ตัว ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับท้องฟ้าที่มีดวงดาวนับล้านล้านล้านดวงขึ้นไป แต่มีมหาอำนาจเพียง 2 เท่านั้นคือ พระอาทิตย์กับพระจันทร์ 

ฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว-อิ่มก็คล้ายกัน คือ มีตัวละครหลักๆ 2 ตัวได้แก่ ฮอร์โมนแห่งความหิว (เกรลอิน - ghrelin) กับฮอร์โมนแห่งความอิ่ม 

อาหารที่มีโปรตีนสูงหน่อย (protein-rich meals / PYY) เช่น ถั่ว เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ไข่ นมไขมันต่ำ นมถั่วเหลือง(เสริมแคลเซียมจึงจะดี) เนื้อไม่ติดมัน ฯลฯ มีแนวโน้มจะทำให้เซลล์ไขมันหลั่งฮอร์โมนสายอิ่ม (leptin - เลพทิน) หลั่งออกมามากขึ้น 

ถ้าคิดจะลดความอ้วน... ไม่ควรกินอาหารโปรตีนต่ำ เพราะจะทำให้หิวเร็ว ทว่า... ข่าวร้ายนิดหน่อย คือ ฮอร์โมนสายอิ่มมีแรงน้อยกว่าฮอร์โมนสายหิว เพราะฉะนั้นต้องเน้นที่การลดความหิว ไม่ใช่เพิ่มความอิ่ม 

ฮอร์โมนหิวหรือเจ้า "เกรลอิน" มีฤทธิ์ 3 ประการได้แก่ 

(1). ทำให้หิว 
(2). เพิ่มการสะสมไขมัน 
(3). ลดการสลายไขมันที่สะสมไว้ 

วิธีที่ดีคือ ตอนนี้ให้รีบทำซุป ซึ่งจะเป็นซุปไก่ ซุปปลา หรือซุปผักอะไรก็ใช้ได้ทั้งนั้น ขอเพียงปั่นหรือเคี่ยวให้อาหารแข็ง-อาหารเหลวปนกันเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าทำซุปไม่เป็นหรือทำไม่ทัน... ข้าวโอ๊ตละลายน้ำร้อน เติมนมไขมันต่ำเย็นๆ ลงไป ใส่ลูกเกด ถั่วลิสงต้ม เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน หรืออัลมอนด์ไปเล็กน้อย ดื่มช้าๆ จะช่วยให้อิ่มไปนาน 

อาหารสำเร็จรูปที่ใช้ชงดื่มสำหรับคนสูงอายุ (อาหารนี้มีไขมันปนอยู่ แต่มองไม่เห็น) ครั้งละ 1/2 แก้ว ตามด้วยน้ำข้าวโอ๊ตมากๆ ก็ใช้เป็นสูตรลดความอ้วนได้ดีเช่นกัน ซุปหรือน้ำข้าวโอ๊ตไม่ได้ดีเฉพาะในการลดความอ้วนเท่านั้น ทว่า... ใช้ช่วยลดการกินข้าวมากเกินไปในคนไข้เบาหวาน หรือความดันเลือดสูงได้ดี การศึกษานี้พบว่า การกินน้ำข้าวโอ๊ต 2-4 ชั่วโมงก่อนซ้อมกีฬาช่วยให้ฝึกได้ดีขึ้น



Other Link

9/27/2553

อด ลด อ้วน ลดน้ำหนักให้ได้ใน 7 วัน



























สำหรับผู้ที่อยากมีหุ่นที่ดีนั้น การลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ แต่จะทำอย่างไรให้ลดน้ำหนักแล้วได้รับสารอาการอย่างครบถ้วน ไม่ทำให้เสียสุขภาพด้วย และไม่ต้องกินยาลดความอ้วน...
อะ!!-->อยากรุ้แล้วละซิว่ามีวิธีลดความอ้วนอย่างไรมาฝากกัน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะว่า มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับใครบางคน แต่เอานะ เพื่อความสวยต้องอดทนกันหน่อย เพียงแค่ 7 วันเองคงไม่ลำบากอะไรมากมายหรอก เนอะ
วิธีที่ได้ผลดีที่สุด คือเคร่งคลัดกับสูตรการกินตามเมนูให้ได้ตรงที่สุด หากว่าเกิดกินเข้าไปผิดจากเมนู ก็ให้เริ่มนับหนึ่งใหม่อีครั้งหรือถ้าอยากให้ได้ผลดีกว่านี้ ก็เพิ่มเป็น 14 วันแทนได้เหมือนกัน งั้นมาเริ่มกันเลย


วันจันทร์(วันที่ 1):
เช้า : น้ำผลไม้ปั่น 
กลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง(ตั้ง2ฟอง)
เย็น : โยเกิต 1 ถ้วย (รสธรรมชาติ)
วันอังคาร(วันที่ 2):
เช้า : โยเกิต 1 ถ้วย(รสธรรมชาติเหมือนเดิม)
กลางวัน : เกาเหลา 1 ถ้วย(เกาหลาหมูลูกชิ้น)
เย็น : สับปะรด 1 ชิ้น(1ชิ้น เล็ก ไม่ใช่ชิ้นละ 1 ลูกนะ)
วันพุธ:
เช้า : น้ำผลไม้ + ขนมปัง 1 ชิ้น
กลางวัน : สลัดผัก + ไก่ยาง
เย็น : โยเกิต 1 ถ้วย(รสธรรมชาติเหมือนเดิม)
วันพฤหัสบดี:
เช้า : โยเกิต 1 ถ้วย(รสธรรมชาติเหมือนเดิม)
กลางวัน : ส้มตำ + ไก่ยาง
เย็น : สลัดผัก
วันศุกร์:
เช้า : น้ำผลไม้ + ขนมปัง 2 แผ่น
กลางวัน : ปลาย่าง เผา นึ่ง (เลื่อกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง และห้ามทอด)
เย็น : นมถัวเหลืองไม่ใส่น้ำตาล
วันเสาร์:
เช้า : ข้าว 1 ทับพี + ไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้น
เย็น : สับปะรด 1 ชิ้น
วันอาทิตย์:
เช้า : โยเกิต 1 ถ้วย(รสธรรมชาติเหมือนเดิม)
กลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น : สลัดผัก 1 จาน

เย้ๆ ครบเจ็ดวันแล้ว ชั่งน้ำหนักได้เลย



Other Link